หลายคนคาดว่า 8 โมเดลที่มีอยู่ของ Softail โฉมใหม่นั้นเพียงพอแล้วสำหรับปี 2018 แต่ Harley-Davidson ก็ได้เปิดตัวคันที่ 9 ออกมา ซึ่งมีชื่อว่า “Sport Glide” นอกจากโครงรถใหม่กับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 เหมือนกับเพื่อน Softail รุ่นอื่นแล้ว เรามาดูกันว่าโมเดลนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. Sport Glide ไม่ใช่ครุยเซอร์แบบสปอร์ต
แม้จะมีคำว่า Sport อยู่ในชื่อและเทคโนโลยีการควบคุมรถล่าสุดของกลุ่ม Softail Sport Glide ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่เน้นการทำความเร็ว แต่จะเน้นความสะดวกสบายและการขับขี่ที่มั่นคงมากกว่า มันคือมอเตอร์ไซค์ที่สามารถเปลี่ยนจากรถทัวร์ริ่งวิ่งทางไกลเป็นครุยเซอร์วิ่งบนถนนใหญ่ได้อย่างคล่องตัว
2. สรีรศาสตร์
แม้จะมีเบาะนั่งที่ต่ำและพักเท้าแบบ forward Sport Glide คือมอเตอร์ไซค์ที่นั่งสบายโดยภาพรวม ตำแหน่งของแฮนด์ มือคนขับ และเบาะนั่งที่สัมพันธ์กันช่วยเสริมให้ผู้ขับนั่งบนตัวรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกว่าต้องเอื้อมร่างกายไปแตะส่วนใดอย่างอยากลำบาก มีแต่ผู้ขับที่สูงเป็นพิเศษเท่านั้นที่อาจรู้สึกอึดอัดบนตัวรถ
3. แฟริ่งและกระเป๋าข้าง
นักเดินทางทั้งหลายจะชื่นชอบแฟริ่งและกระเป๋าข้างของ Sport Glide ที่ถูกออกแบบมาอย่างกลมกลืนกับตัวรถและมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย แฟริ่งทรงบิกินี่ด้านหน้าจะช่วยปัดกระแสลมออกจากร่างกายคนขับ (ของจริงจะดูกว้างกว่าในรูปพอประมาณ) ส่วนกระเป๋าข้างเอาไว้ใช้เก็บเสื้อผ้าได้มากมายรวมถึงคอมพิวเตอร์แลปทอป แต่ไม่ใหญ่เพียงพอที่จะใส่หมวกกันน๊อคได้ทั้งใบ
4. คาแรคเตอร์
การมี Sport Glide ครอบครองไว้สักคันอาจทำให้เพื่อนสงสัยว่าคุณมีมอเตอร์ไซค์สองคันหรือเปล่า เพราะแฟริ่งด้านหน้ากับกระเป๋าข้างสามารถถอดออกได้เวลาคุณต้องการความคล่องตัวที่สูงขึ้น (เช่นเวลาขับในเมืองที่มีรถจำนวนมาก) คุณอาจจะเลือกถอดแฟริ่งออกอย่างเดียวและเก็บกระเป๋าข้างไว้ให้ตัวรถมีสไตล์แบบ bagger ก็ทำได้เช่นกัน
5. การเข้าโค้งและการควบคุม
ผู้ขับสามารถสร้างความคุ้นเคยกับ Sport Glide ได้ในระยะเวลาอันสั้น มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ตอบสนองต่อสิ่งที่คุณต้องการได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามองศาในการเอนตัวระหว่างเข้าโค้งจะค่อนข้างจำกัด โดยในเส้นทางที่คดเคี้ยวส้นเท้าของผู้ขับอาจลงต่ำไปสัมผัสกับพื้นถนนได้ Sport Glide ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่เหมาะแก่การเปลี่ยนองศาตีวงระหว่างเข้าโค้ง (แม้มันจะทำได้ในสถานการณ์จำเป็นก็ตาม) อย่างไรก็ดีการขับ Sport Glide จนคุ้นเคยและรู้จังหวะจะเพิ่มทักษะและความมั่นใจให้กับผู้ขับได้อย่างมาก
6. ระบบกันสะเทือน
Sport Glide มีระยะฐานล้อ (wheelbase) 64 นิ้ว และมุม rake 30 องศา ที่ช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคงอย่างสูง ส่วนระบบกันสะเทือนแบบใหม่ช่วยให้ผู้ขับวิ่งได้อย่างราบรื่นเป็นพิเศษ (แม้บนพื้นถนนที่ไม่เรียบ) โดยป้องกันตัวรถให้ไม่เกิดการกระแทกหรือการกระตุกที่รุนแรง ส่วนโช๊คหน้าแบบหัวกลับจะตอบโจทย์เรื่องแฟชั่นมากกว่าเรื่องประโยชน์ใช้สอย
7. ระบบเบรก
Sport Glide มีดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 mm ที่ล้อหน้าสไตล์ Mantis กับระบบ engine compression braking ที่ช่วยเรื่องการหยุดได้อย่างมาก เบรกหลังก็มีประสิทธิภาพดีไม่มีจุดให้ตำหนิ สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่เน้นการขับสบายๆ อย่าง Sport Glide ดิสก์เบรกเดี่ยวถือว่าเพียงพอในการหยุดตัวรถ
8. ข้อดีมีมากกว่า
การที่ตัวรถสามารถถอดแฟริ่งและกระเป๋าข้างออกได้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ ที่ทำให้ผู้ขับเหมือนมีมอเตอร์ไซค์ถึงสองคัน แต่ข้อเสียเมื่อส่วนประกอบเหล่านี้ได้ถูกถอดออก ก็คือคาแรคเตอร์ของตัวมอเตอร์ไซค์ที่จางลงไป แต่อย่าเพิ่งใจเสียเพราะข้อดีของ Sport Glide ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ย่อมทำให้ผู้ขับส่วนใหญ่มองข้ามจุดเล็กๆ จุดนี้ไป
Harley Davidson ดีๆสักคัน ทะยานไปกับสายลม แสงแดด พร้อมกับคนรู้ใจ โลกในมือ อิสรภาพแค่เอื้อม สักครั้งในชีวิตครับ
Credit เนื้อเรื่อง/ภาพ
https://ultimatemotorcycling.com/2017/11/08/2018-harley-davidson-sport-glide-review-9-fast-facts/
Darkrider.net แปล
——————-
ติดตามเรื่องราว Harley Davidson ตอนก่อนๆได้ที่ Darkrider.net
คิดถึง Harley คิดถึงเรา Darkrider.net มือหนึ่งเรื่อง Harley